
อินจัด “สำเร็จความใคร่” จริง ! “อุ้มเล่น 10 นาทีเทคเดียวผ่าน มันเป็นฉาก LONG TAKE เล่นยาวเลยและเขาก็เอาทั้ง 10 นาทีมาฉายโดยที่ไม่มีการตัดต่อ แต่ตอนถ่ายก็จะมีบางช็อตที่มีการรับภาพใกล้ แต่พอถึงเวลาที่จะต้องเลือกจริงๆ เขาก็เอาภาพที่รับใกล้ๆ กับภาพที่เป็นฉาก LONG TAKE ไปให้ทางคณะกรรมการดู ให้นิสิตนักศึกษาดู ซึ่งทุกคนดูแล้วก็บอกว่าฉากที่เป็น LONG TAKE ได้อารมณ์กว่า ทั้งๆ ที่ฉาก LONG TAKE แทบจะไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นหัวนม ไม่เห็นเต้านมเต็มๆ แต่ฉากที่รับภาพใกล้ๆ ที่เห็นหัวนมกลับไม่ได้อารมณ์เท่ากับฉาก LONG TAKE” “อารมณ์การแสดงของอุ้มมันเริ่มมาจาก ค่อยๆ มีความต้องการจนกระทั่งถึงจุดจบ มันก็เลยเป็นอะไรที่ทรมานใจมากกว่าการตัดภาพรับภาพ คือฉากที่เป็น LONG TAKE มันทำให้คนดูลุ้นมากกว่า ลุ้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ลุ้นว่าจะเห็นอะไรไหม ลุ้นว่ากางเกงจะหลุดหรือเปล่า ลุ้นว่าจะถอดเสื้อหรือเปล่า” “วันที่จะเข้าฉากนี้รู้สึกตื่นเต้นมากๆ คืนนั้นนอนไม่หลับเพราะไม่รู้จะเล่นยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นกับอารมณ์และความพยายามของอุ้มเอง วันนั้นกินข้าวไม่ลงเลย เครียดมาก ห่วงโป๊ก็ห่วง ห่วงว่าจะเล่นไม่ดีก็ห่วง แต่พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยปุ๊บ อุ้มก็ทำสมาธิอยู่พักนึงค่อยเริ่มการแสดง” “ทางผู้กำกับไม่ได้มาไกด์เลยว่า ต้องเริ่มต้นยังไง ทุกอย่างเป็นการแสดงของอุ้มหมด เขาบอกแค่ว่า ถ้าเราเป็นส้มแล้วเรารู้สึกแบบนั้นเราจะแสดงออกมายังไง พอถึงเวลาเราก็สวมวิญญาณเข้าไป แล้วเราก็เริ่มจากความรู้สึกจริงๆ ที่มันมาจากตัวละครตัวนั้น เราไม่ได้คิดว่าเราเป็นอุ้มไง ถ้าคิดว่าเป็นอุ้มก็คงเล่นไม่ได้เราคงอาย” “อุ้มหลับตาแล้วก็นึกถึงตอนนี้ว่าเรากำลังทำหน้าที่อะไรอยู่ เราต้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมา ถ้าเราเล่นไม่ดีเล่นไม่ได้ บทนี้จะแบบดูไม่ได้เลยเพราะมันเป็นไฮไลท์ของเรื่อง และหนังเรื่องนี้มันก็เป็นประวัติศาสตร์ เพราะเราเป็นนักแสดงในประเทศไทยคนแรกที่กล้าจะเล่นบทแบบนี้ ต้องใช้สปิริตสูงมากนะคะถึงจะเล่นได้ การเล่นเลิฟซีนกับผู้ชายยังง่ายกว่า” หลายๆ คนที่ดูหนังเรื่องนี้ต่างสงสัยว่า ตอนที่ “อุ้ม” เข้าฉาก “ช่วยเหลือตัวเอง” เจ้าตัวจินตนาการถึงอะไร ภาพในหนังถึงได้ออกมาเด็ดสะเด่าขนาดนั้น “อุ้มคิดถึงพระเอกค่ะ คิดถึงฉากนวดซึ่งเป็นฉากก่อนที่จะเกิดฉากนี้ขึ้น คือเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรักความรู้สึกความปรารถนาผ่านการนวดโดยที่เรา ไม่ได้มีเซ็กส์กัน แต่มันมีการถูกเนื้อต้องตัวและทำให้มีอารมณ์เกิดขึ้น เรานึกถึงว่าฉากนั้นเราเล่นอะไรไปบ้าง พอนึกถึงได้ปุ๊บเราก็ค่อยๆ จินตนาการมันขึ้นมา และก็ค่อยๆ ไต่ระดับความต้องการของตัวเองขึ้นมา ค่อยๆ สร้างความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา (ว่าพอนวดเสร็จแล้วมีอะไรกันเราก็จินตนาการไป) ใช่ค่ะจินตนาการไป” อินจริงๆ หรือเปล่า (หัวเราะชอบใจเสียงดัง) “มันก็อินเนอร์จริงๆ ค่ะ เรารู้สึกจริงๆ เราเล่นจริงๆ มันก็เลยออกมาเป็นแบบนั้นล่ะค่ะ ทุกอย่างมันต้องเป็นอะไรที่มันจริงอยู่แล้ว เพราะถ้าอะไรมันหลอกคนดูจะจับผิดได้ ถ้ามันคือการหลอก ถ้ามันคือการเสแสร้งแกล้งทำ แต่อันนี้มันไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำมันคือการทำจริงๆ หรือเปล่า จนคนคิดว่าเฮ้ย…นี่ทำจริงๆ หรือเหรอ เฮ้ย….นี่สำเร็จจริงๆ หรือเปล่าอะไรอย่างนี้ อันนี้ไอ้สำเร็จจริงๆ หรือเปล่าไม่บอกแล้วกัน แต่ว่าเล่นจริงๆ ทำจริงๆ” ถ้า “อุ้ม” บอกว่า การเล่นฉากนี้คือการแสดงของตัวเองล้วนๆ ที่เล่นไปตามอารมณ์และจินตนาการของตัวเอง ก็ถือว่าเจ้าตัวแรงไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว เพราะในฉากมีการดูดดมสัมผัสน้ำรักของตัวเองผ่านมือด้วย “ผู้กำกับเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะเขาเป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นอารมณ์ของผู้หญิงมันมีอารมณ์เซ้นซิทีฟมีอารมณ์ที่นุ่นนวลนุ่มลึก กว่าผู้ชาย มันไม่ใช่อารมณ์รุนแรงแบบป๊ะๆๆ กันแบบนั้น แต่มันเป็นอารมณ์ที่เป็นศิลปะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” “อย่างในฉากที่มีน้ำแล้วเอามาสัมผัสมาลองดมลองกิน อันนั้นผู้กำกับก็บอกมาว่า อยากให้มีฉากนั้นด้วย อยากให้มีการกระทำแบบนั้นด้วย (เพื่อ….) เพื่ออะไรเหรอคะ มันก็คงเป็นอารมณ์หนึ่งของความเป็นส่วนตัว ตอนนั้นเราอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งมันเป็นที่ส่วนตัว ผู้หญิงคนหนึ่งมีความต้องการและอยากรู้สึก อยากได้กลิ่น อยากสัมผัส มันเป็นเหมือนการสัมผัสตัวเองและสัมผัสผ่านไปยังพระเอกด้วย คือมันต้องการจะสื่ออารมณ์” ก็เล่นสมจริงสมจังซะขนาดนั้น เราก็เลยอดถามไม่ได้ว่า ฝ่ายพร็อบใช้อะไรแทนน้ำของจริง ให้กินอะไร ดมอะไร เล่นเอา “อุ้ม” ถึงกับหัวเราะร้อง “ว้าย..” เลยทีเดียว ก่อนจะตอบว่า…. “ก็หนูจับอะไรอยู่ก็…(หัวเราะฮ่าๆ) มันเห็นน้ำเลยเหรอคะ (ใช่…มันเป็นฉากยาวแสดงว่าของจริง) ใช่ค่ะมันเป็นฉากยาว”